หญิงข่มขืนชายเป็นความผิดทางอาญาแล้ว โดย คุณชำนาญ จันทร์เรือง

30 กันยายน 2550 22:18 น.

       พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2550 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเพศได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งผมเห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
       ที่ว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็ด้วยเหตุแต่เติมในประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้การข่มขืนกระทำชำเรานั้นเกิดขึ้นได้เฉพาะกรณี “หญิงอื่นที่มิใช่ภริยาตน และเด็กหญิง” เท่านั้นที่เป็นความผิดทางอาญา แต่ของใหม่นั้น เปลี่ยนเป็น กำหนดให้การข่มขืนกระทำชำเรา “ผู้อื่น” ซึ่งรวมถึงผู้ชาย เด็กชาย และคู่สมรส มีความผิดอาญาด้วย ซึ่งหมายความว่า ผู้หญิงก็อาจเจอข้อหาข่มขืนผู้ชายได้ และผู้ชายก็อาจเจอข้อหาข่มขืนผู้ชายด้วยกันได้เช่นเดียวกัน
       จากเดิมนั้น การข่มขืนหมายความว่าการใช้อวัยวะเพศชายกระทำกับอวัยวะเพศหญิง และล่วงล้ำเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งตามแนวคำพิพากษาฎีกาได้วางแนวไว้ว่า แม้ล่วงล้ำเข้าไปในช่องคลอดเพียงองคุลีเดียว (ความยาวหนึ่งองคุลีเท่ากับข้อปลายของนิ้วกลาง) ก็ถือว่าเป็นการข่มขืนแล้ว แต่กฎหมายใหม่ได้นิยามความหมายของลักษณะการข่มขืนกระทำชำเราเพิ่มขึ้นอีกจากเดิมที่มีได้มีการบัญญัติไว้ เช่น การกระทำกับทวารหนัก ช่องปาก หรือใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยะเพศ หรือทวารหนักผู้อื่น โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้อวัยวะเพศของตนเองกระทำ
       ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากเป็นการข่มขืนระหว่างคู่สมรสด้วยกันเอง และคู่สมรสยังประสงค์จะอยู่กินกันฉันสามีภริยาต่อไป (ก็ไม่รู้จะเอาคดีมาฟ้องศาลทำไมให้อับอายขายหน้าประชาชี) ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก และคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่ายนั้น แจ้งให้ศาลทราบ
       หากผู้ใด กระทำชำเราเด็ก (ไม่ว่าเด็กหญิงหรือเด็กชาย) อายุยังไม่เกิน 15 ปี
       ซึ่งมิใช่ภริยา หรือสามีตน (อาจจะเป็นภริยาหรือสามีโดยคำสั่งศาล เพราะโดยทั่วไปการสมรสจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อชายหญิงอายุ 17 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น ) โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000 บาท ถึง 40,000 บาท และหากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ฉะนั้น เฒ่าหัวงูทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชายเฒ่าหรือหญิงเฒ่า
       ก็ต้องระวังตัวให้ดี
       ถ้าการข่มขืนเด็กนั้นได้กระทำโดย ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน อันมีลักษณะเป็นการโทรม (เด็ก) หญิง หรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะเดียวกัน และเด็กนั้นไม่ยินยอม หรือได้กระทำโดยมีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด โดยใช้อาวุธ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
       นอกจากนั้น ยังกำหนดโทษ แมงดา หรือแม่เล้า จากการค้าประเวณีโดยผู้ชายเพิ่มขึ้นจากเดิม ที่การค้าประเวณี กระทำโดยผู้หญิงเท่านั้น โดยผู้ใดอายุกว่า 16 ปี ดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี (ไม่ว่าจากหญิงหรือชาย) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
       ผู้ใดไม่มีปัจจัยอย่างอื่น อันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยพอเพียง สำหรับดำรงชีพ และมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าผู้นั้น ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี เว้นแต่จะพิสูจน์ให้เป็นที่น่าพอใจว่ามิได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งลักษณะที่ว่านั้นก็คือ
       1. อยู่ร่วมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี หรือสมาคมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี คนเดียวหรือหลายคน เป็นอาจิณ
       2. กินอยู่หลับนอน หรือรับเงิน หรือประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้
       3. เข้าแทรกแซง เพื่อช่วยผู้ซึ่งค้าประเวณี ในการทะเลาะวิวาทกับ ผู้ที่คบค้ากับ ผู้ซึ่งค้าประเวณีนั้น
       แต่ลักษณะทั้งสามอย่างนี้ ไม่ใช้บังคับแก่ผู้รับค่าเลี้ยงดูจากผู้ซึ่งค้าประเวณี
       ซึ่งพึงให้ค่าเลี้ยงดูนั้น ตามกฎหมาย หรือธรรมจรรยา ซึ่งตัวอย่างที่อาจจะเป็นได้ ก็เช่น พ่อแม่เลี้ยงดูบุตรของตน เป็นต้น
       ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า หรือวิวัฒนาการของกฎหมายที่แสดงถึงความเท่าเทียมกัน ระหว่างชายและหญิง ผู้อ่านบางท่านอาจจะรู้สึกขำ ๆ หรืออาจจะนึกว่า จะบ้ากันหรือไร ผู้หญิงจะข่มขืนผู้ชายได้อย่างไร หากผู้ชายไม่ยินยอม แต่ในความเป็นจริงนั้น มันเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่ผู้หญิง มีอำนาจเหนือผู้ชายเช่นในบางหน่วยงาน หรือบางองค์กร
       เสียดายที่ผม จำชื่อหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งไม่ได้ แต่จำได้ว่านำแสดงโดย ไมเคิล ดักลาส และเดมี่ มัวร์ ที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายก็อาจจะถูกผู้หญิงข่มขืนโดยการบังคับขืนใจ
       จนเป็นความถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลได้เช่นกัน และในหนังเรื่องนี้ผู้ชายชนะคดีเสียด้วยโดยอาศัยปากคำพยานที่บังเอิญได้ยินมือถือที่ลืมเปิดค้างไว้ทำให้ทราบพฤติการณ์แห่งคดีนั้น
       ในส่วนที่ว่าแล้วการที่อวัยวะเพศชายแข็งตัวนั้นจะถือว่าเป็นการสมยอมหรือยินยอมทุกคราวหรือไม่นั้น คงไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์เป็นกรณีๆไป กอปรกับในชั้นของกรรมาธิการของการร่างแก้ไขกฎหมายนี้ มีนักวิชาการด้านกฎหมายระดับปรมาจารย์ท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่า ในรายงานทางการแพทย์ของอเมริกาพบว่าหากผู้ชายตกอยู่ในอาการหวาดกลัวสุดขีด อวัยวะเพศก็อาจแข็งตัวได้เช่นกัน ฉะนั้น การที่อวัยวะเพศชายแข็งตัว ก็มิได้หมายความว่าฝ่ายชายจะต้องยินยอมพร้อมใจเสมอไป
       ขออภัยด้วยครับ หากบทความตอนนี้ จะค่อนไปทางเรตอาร์ แต่ก็ถือเสียว่าเป็นข้อมูลทางวิชาการด้านกฎหมายก็แล้วกันนะครับ
       

       --------------------------------


พิมพ์จาก http://www.public-law.net/view.aspx?ID=1152
เวลา 29 เมษายน 2567 21:40 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)