ข้อเสนอของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

28 มีนาคม 2553 20:49 น.

       ท่ามกลางการชิงไวชิงพริบระหว่างมวลชนคนเสื้อแดงที่มีคุณทักษิณเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่กับรัฐบาลที่มีบรรดาเหล่าอำมาตย์ใหญ่น้อยหนุนหลังอยู่จนย่างเข้าสัปดาห์ที่สองและมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆเพราะยังหาทางออกไม่ได้ มีการเสนอข้อเรียกร้องต่างๆที่ดูเหมือนที่แทบจะตกลงกันไม่ได้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงได้ออกแถลงการณ์เพื่อนำเสนอแนวทางที่จะออกจากการเมืองที่ตีบตันนี้ ซึ่งผมเห็นว่ามีเนื้อหาที่น่าสนใจและดีที่สุดในปัจจุบัน ควรที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะนำไปพิจารณา
       โดยมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเห็นว่า
       การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในห้วงเวลาปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของสังคมการเมืองไทยในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การเผชิญหน้าและการกดดันด้วยวิถีทางต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลักดันทางการเมืองเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบการเมืองที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองได้อย่างทัดเทียม
       ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างทางการเมืองเพื่อรองรับสัมพันธภาพทางอำนาจแบบใหม่ ซึ่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ทำให้กระบวนการปรับตัวอย่างสันติในระบอบประชาธิปไตยยุติลงอันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการปรับโครงสร้างอำนาจทางการเมืองด้วยอำนาจรัฐประหารนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
       ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและเข้มข้นสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของโครงสร้างสังคมการเมืองที่ไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรงกับผู้คนโดยเฉพาะคนชั้นล่างอันเป็นรากฐานสำคัญของความขัดแย้งการเมืองในปัจจุบัน ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดการปรับโครงสร้างทางการเมืองเกิดขึ้นก็ยากที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไป
       เพื่อที่จะเปิดทางให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบการเมือง การลดความเข้มข้นของความขัดแย้งในปัจจุบันลงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ จำเป็นที่จะต้องสร้างเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะนำเอาทุกฝ่ายกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางการเมืองซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอให้สังคมร่วมกันกดดันองค์กรและสถาบันต่างๆ ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นของการก้าวออกไปจาก การเมืองไทยที่ตีบตัน
       ประการแรก มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเสนอให้รัฐบาลต้องประกาศการยุบสภาภายในระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งในประเด็นนี้ผมเห็นว่าตรงกับข้อเรียกร้องของฝ่ายเสื้อแดงแต่ฝ่ายเสื้อแดงต้องการให้ยุบทันที ซึ่งรัฐบาลคงยอมไม่ได้ อาจเป็นเพราะตัวรัฐบาลเองหรืออาจเป็นเพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล แต่นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ปิดโอกาสเสียทีเดียวเพียงแต่ยังเกี่ยงกันในประเด็นของคู่เจรจา เพราะหากขืนปล่อยไว้เนิ่นนานรัฐบาลเองนั่นแหล่ะจะเป็นผู้ที่ถูกล้มกระดานเสียเองหากไม่สามารถจัดการกับปัญหาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองที่กระทำโดยผู้ไม่หวังดี ไม่ว่าจะเป็นจากการวางแผนของฝ่ายใดก็ตาม
       ประการที่สอง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเสนอว่ารัฐสภาต้องผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าให้แล้วเสร็จภายในห้วงระยะเวลานี้ เพื่อให้เกิดกติกาของการเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในระหว่างนักการเมืองด้วยกัน ซึ่งผมเห็นว่ามีข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เป็นข้อเสนอที่ทำสำเร็จพร้อมใช้อยู่แล้ว
       ประการที่สาม พรรคการเมืองต้องเจรจาเพื่อให้เกิดการยอมรับวิถีทางพื้นฐานของ การเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้มีการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองได้อย่างกว้างขวางในทุกพื้นที่ ซึ่งข้อเสนอนี้ผมเห็นว่าทั้งเหลืองและแดงต้องร่วมมือกัน โดยพรรคเพื่อไทยสามารถไปหาเสียงภาคใต้ได้และในทำนองกลับกันพรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถไปหาเสียงในภาคเหนือและภาคอีสานได้
       ประการที่สี่ ภายหลังการเลือกตั้งต้องยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปภายใต้ระบบของประชาธิปไตย ไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ ซึ่งผมเห็นว่าหากผลการเลือกตั้งโดยการออกเสียงประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงแล้ว อำนาจนอกระบบไม่ว่าจะมาที่ใดก็ตามควรที่จะต้องพึงสำเหนียกว่าหากทำอะไรที่สวนกับกระแสของประชาชนแล้ว ผลที่ได้รับย่อมทำลายตัวอำนาจนอกระบบนั้นเอง
       มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้มิใช่เป็นสิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการอันใดอันหนึ่ง หากต้องหมายความรวมถึงการปรับเปลี่ยนระบบและโครงสร้างอีกอย่างกว้างขวางที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป การแสวงหาจุดเริ่มต้นเพื่อดึงทุกฝ่ายเข้ามาในการแก้ไขปัญหานี้จะทำให้สามารถมองเห็นทางออกของความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนี้ได้ พึงต้องตระหนักว่ายังมี ความยุ่งยากอีกหลายประการที่จะต้องมีการถกเถียง แลกเปลี่ยน กดดัน ต่อรอง กันอีกมากในวันข้างหน้า
       มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนสรุปว่าการไม่ไยดีต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองดังที่เป็นอยู่ ทั้งจากรัฐบาลและสังคมไทย จะมีความหมายถึงการทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองดำรงอยู่ต่อไป และอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรุนแรงทางการเมืองให้บังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
       จากข้อเสนอของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนดังกล่าวข้างต้น หากผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาให้ถ่องแท้โดยไม่ยึดถือแต่ความเห็นของฝ่ายตนเองว่าถูกต้องถ่ายเดียวแล้ว จะเห็นได้ว่าในภาวการณ์ของการเมืองที่ตีบตันนี้ เรายังพอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ที่จะนำทางเราออกไปเสียจากความยุ่งยาก ก่อนที่จะพาตกเหวไปด้วยกันด้วยเหตุแห่งทิฐิมานะ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครเลย
       จริงอยู่ปัญหาความขัดแย้งทางการย่อมไม่สามารถที่แก้ไขให้หมดสิ้นไปในชั่วเวลาในพริบตาหรือเวลาอันสั้น และมิใช่ว่าเมื่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนี้หากสามารถแก้ไขได้แล้วจะไม่มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาอีก เพราะแน่นอนว่าการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ตราบใดที่ผลประโยชน์ยังไม่ลงตัวความขัดแย้งก็เกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งเราก็ต้องช่วยกันแก้ไขตามวิถีทางประชาธิปไตย
       มีแต่ประชาชนที่อยู่ภายใต้ปากกระบอกปืนของรัฐเผด็จการเท่านั้นที่สงบเงียบไม่มีปากเสียง บ้านเมืองดูเหมือนจะสงบเรียบร้อยดี แต่ภายในจิตใจนั้นคุกรุ่นด้วยความเคียดแค้นจากการถูกกดขี่
       เราชาวไทยต้องการอย่างนั้นล่ะหรือ
       

       ---------------------------


พิมพ์จาก http://www.public-law.net/view.aspx?ID=1450
เวลา 28 มีนาคม 2567 19:33 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)