ขายตัวเป็นโสเภณี แล้วไง

20 พฤศจิกายน 2553 21:46 น.

       จากกรณีคลิปหลุดศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวพันกับพฤติกรรมอันไม่ชอบมาพากลของผู้ที่อยู่ในคลิป  จนเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมากมายเหลือคณานัปการ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของ  ตัวตุลาการเอง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันศาลซึ่งไม่จำเพาะว่าเป็นศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ศาลอื่นๆก็พลอยถูกหางเลขไปด้วย แต่ที่หลายคนมองข้ามไปก็คือสถาบันอันเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโลกมาหลายพันปีก็พลอยถูกกระทบไปด้วย เพราะมีการพาดพิงว่า “ตุลาการทั้ง 9 คน ไม่มีใครขายตัวเป็นโสเภณี”   ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า “โสเภณีขายตัวแล้ว ยังไงเหรอ”  “ตุลาการต้องดี โสเภณีต้องเลว อย่างนั้นหรือ” “โสเภณีขายตัว กับคนที่ขายวิญญาณ ใครเลวกว่ากัน” ฯลฯ
       โสเภณีนั้นมีกำเนิดมาจากพิธีการทางศาสนาที่ปฏิบัติกันอยู่ในแถบเอเชียตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ คือหญิงสาวจะต้องทำพิธีสละพรหมจารีของตนเพื่อบูชาเทวีผู้ซึ่งมีชื่อเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ของอินเดียได้แก่พิธีบูชาพระแม่กาลีซึ่งบางทีก็เรียก "ทุรคาบูชา" (Durgapuja) พิธีเช่นว่านี้สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าผู้หญิงมีความรู้สึกฝังใจอยู่กับชายคนแรกที่เธอร่วมประเวณีด้วย การสละพรหมจารีดังกล่าวจึงกระทำเพื่อบูชาเทวีเบื้องบนเสีย และชายผู้ร่วมประเวณีด้วยนั้นก็มักจะเป็นแขกแปลกหน้าที่หญิงนั้นไม่รู้จัก โดยถือกันว่าชายแปลกถิ่นเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะนำโชคลาภมาสู่ตน
       การสละพรหมจารีด้วยการร่วมประเวณีกับชายแปลกหน้านั้นบางแห่งก็มีสิ่งตอบแทน หญิงชาว      บาบิโลนโบราณพากันมานั่งคอยชาวแปลกหน้าในวิหารเจ้าแม่อิชตาร์ (Ishtar) เพื่อเข้าสู่พิธี      สละพรหมจารีกับชายแปลกหน้า ถ้าชายพึงใจในหญิงคนใดก็จะโยนเหรียญมาที่ตักของเธอ หญิงที่ได้รับเหรียญจะต้องลุกตามเขาไปทันทีเพื่อประกอบพิธี โดยไม่ว่าเงินที่ชายโยนให้นั้นจะมากน้อยเพียงใด เมื่อได้พลีพรหมจารีแล้วก็เป็นอันหมดหน้าที่ หญิงนั้นจะได้กลับไปบ้านเมืองและครองชีวิตอย่างมีเกียรติ พร้อมกับตั้งหน้าคอยโชคลาภต่อไป หญิงที่รูปไม่งามอาจต้องนั่งรอชายแปลกหน้าเป็นเวลาหลายปี
       บางท้องถิ่นก็มีพิธีกรรมทางโสเภณีเพื่อการศาสนา เช่น นักบวชหญิงร่วมกันจัดพิธีกรรมต่าง ๆ ทางโสเภณีซึ่งถือว่าเป็นการพลีกายเพื่อศาสนา เงินที่ได้จากพิธีกรรมทางเพศดังกล่าวจะส่งเข้าบำรุงศาสนา บางแห่งหญิงสาวต้องไปวัดเพื่อขอให้นักบวชชายเบิกพรหมจารีให้ โดยถือว่านักบวชเป็นตัวแทนของพระเจ้า บางแห่งหญิงสาวอุทิศตนเป็นนางบำเรอประจำวัด เพื่อร้องรำทำเพลงบำเรอพวกนักบวชและพวกที่มาสักการะเทพเจ้าในสำนักตน ทั้งหมดนี้เป็นจุดกำเนิดของหญิงโสเภณีในปัจจุบัน แต่โสเภณีทางศาสนาดังกล่าวมาแล้วจะกระทำในคลองจารีตประเพณีของศาสนา ไม่อื้ออึงหรืออุจาดนัก
       ต่อมาเกิดมีธรรมเนียมใหม่ คือ หญิงสาวหันมาเป็นโสเภณีเพื่อสะสมทุนทรัพย์สำหรับสมรส ชายที่สมสู่ไม่ต้องวางเงินบนแท่นบูชาแต่ให้ใส่ลงในเสื้อของหญิง ภายหลังหาเงินได้สองสามปีก็จะกลับบ้านเพื่อแต่งงาน และถือกันว่าหญิงที่ได้ผ่านการเป็นโสเภณีมาแล้วเป็นแบบอย่างของเมียและแม่  ที่ดี การปฏิบัติของหญิงโสเภณีประเภทหลังนี้ บางคนก็กระทำไปโดยมิได้เกี่ยวข้องกับพิธีทางศาสนาเลย มีตัวอย่างเช่นหญิงที่รับตำแหน่ง "มิดะ" ในชาวเขาเผ่าอาข่าหรืออีก้อทางภาคเหนือของประเทศไทย
       ต่อมามีการฝักใฝ่ในลัทธิวัตถุนิยมเพิ่มมากขึ้น โสเภณีทางศาสนาค่อยๆเลือนหายไป โดยมีโสเภณีทางโลกเข้ามาแทนที่ โรงหญิงโสเภณีโรงแรกจึงถือกำเนิดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ โดยเป็นโรงหญิงโสเภณีสาธารณะ เก็บเงินรายได้บำรุงการกุศล ผู้จัดตั้งชื่อ "โซลอน" (Solon) เป็นนักกฎหมายและนักปฏิรูป วัตถุประสงค์ในการตั้งโรงหญิงโสเภณีดังกล่าวมีสองประการ คือ
       1) เพื่อคุ้มครองอารักขาความบริสุทธิ์ให้แก่ครอบครัวของประชาชน มิให้มีการซ่องเสพชนิดลักลอบและมีชู้ และ
       2) เพื่อหารายได้บำรุงการกุศลต่าง ๆ
       จากนั้นโสเภณีก็ได้ขยายตัวเรื่อยมาจนกระทั่งเป็นอยู่อย่างปัจจุบัน
       ผลดีและผลเสียของการมีโสเภณี
       ผลดี โสเภณีได้ชื่อว่าเป็นผู้ผดุงศีลธรรมและมนุษยธรรมของสังคม กล่าวคือ หญิงพวกนี้เป็น        ผู้รับการระบายความต้องการทางเพศของผู้ชายทั้งหลาย เป็นการป้องกันหรืออย่างน้อยก็ลดจำนวนคดีเกี่ยวกับเพศ เช่น การฉุดคร่าอนาจาร ข่มขืน กระทำชำเรา อีกทั้งเป็นการช่วยผดุงความบริสุทธิ์ให้แก่ครอบครัวประชาชนมิให้มีการลักลอบซ่องเสพด้วยการทำชู้ จึงมีผู้เปรียบโสเภณีว่าเป็นป้อมปราการสำหรับป้องกันเกียรติศักดิ์ของครอบครัวอื่น ๆ มิให้มัวหมอง และสดุดีพวกเธอว่าเป็น         ผู้เสียสละอุทิศร่างกายและชื่อเสียงเพื่อสาธารณประโยชน์
       ออกัสติน นักบุญแห่งคริสต์ศาสนาผู้หนึ่ง กล่าวว่า ถ้าถอนหญิงโสเภณีไปจากสังคมเมื่อใด ก็เท่ากับหว่านพืชแห่งตัณหาให้เต็มไปหมดทั้งโลก สรุปว่า หญิงโสเภณีเปรียบเสมือนท่อระบายน้ำโสโครกหรือผู้เก็บกวาดสิ่งปฏิกูล ทำให้สังคมสะอาดน่าอยู่เสมอ
       นอกจากนั้น หญิงโสเภณียังเป็นเครื่องกลั่นกรองการแต่งงานของคู่สมรสได้อีกด้วย กลั่นกรองในแง่ที่ว่า ผู้ชายมีทางระบายความต้องการทางเพศของตนกับหญิงโสเภณี เป็นการช่วยให้เขาชะลอการแต่งงานไปได้ในเมื่อฐานะของเขายังไม่พร้อมที่จะสมรส การสมรสจึงเป็นไปด้วยความรอบคอบ ความพร้อม และความเหมาะสม ทำให้ชีวิตครอบครัวราบรื่นมั่นคง ไม่ใช่สมรสเพราะตัณหา ซึ่งอาจทำให้ชีวิตสมรสล่มสลายในภายหลังได้ง่าย
       อนึ่ง ยังช่วยผ่อนคลายความต้องการของชายที่สมรสแล้ว แต่คู่สมรสมีรสนิยมทางเพศไม่ตรงกัน เป็นการรักษาชีวิตสมรสของสามีภริยาคู่นั้นให้ดำรงราบรื่นอยู่ได้
       ผลเสียก็มีอยู่เป็นอันมาก เช่น ทำให้มีสถานค้าประเวณีคอยรับซื้อเด็กหญิงมาบังคับเป็นโสเภณี ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังและดาษดื่นอยู่เวลานี้ ทำให้มีคดีฉุดคร่าล่อลวงหญิงมาขายตามสถานดังกล่าว และทำให้มีบุคคลประเภทแมงดาเป็นกาฝากของสังคมเกิดขึ้น
       จากที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่าการมีโสเภณีนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย ซึ่งโดยส่วนตัวของผมนั้นเห็นว่าน่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสียอย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ดำรงคงอยู่คู่โลกมาจนถึงปัจจุบัน และบางประเทศถือเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายด้วยซ้ำไป และในบางประเทศที่โสเภณีเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายก็ยังไม่มีประเทศใดสามารถกำจัดโสเภณีออกไปจากสังคมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
       ฉะนั้น การที่มีการพาดพิงถึงโสเภณีในลักษณะของการขายตัวว่าเป็นสิ่งที่ชั่วช้าเลวทรามผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งไม่มีทางกระทำนั้น จึงเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรมต่ออาชีพโสเภณี เพราะถึงแม้ว่าจะประกอบอาชีพโสเภณีเป็นก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น หลายคนเจริญเติบโตมีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคงก็ล้วนแล้วแต่ใช้จ่ายจากเงินที่ได้มาจากการประกอบอาชีพโสเภณี ซึ่งมีอยู่ในหลายรูปแบบ ทั้งทางตรงและในรูปแบบที่แอบแฝง
       หลายคนที่ประณามหยามเหยียดอาชีพโสเภณีว่าเลวทรามต่ำช้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษเพศทั้งหลาย ซึ่งผมเชื่อว่าน้อยคนนักจะไม่เคยใช้บริการจากอาชีพนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนวัยรุ่นสมัยก่อนก็อาจจะเริ่มในสมัยเป็นนิสิตนักศึกษา สมัยนี้ก็อาจจะเริ่มตั้งชั้นมัธยมเสียด้วยซ้ำ
       การที่โสเภณีขายตัวนั้นย่อมเป็นปกติวิสัยของผู้คนที่ขายเรือนร่างตนเอง แต่คนที่ไม่ได้ขายเรือนร่างตัวเองแต่ขายจิตวิญญาณ คนไหนควรถูกประณามมากกว่ากัน
       คนที่ทำคลิปกับคนที่กระทำผิดหรือทำความเสื่อมเสียที่ปรากฎหรือถูกพาดพิงในคลิปคนไหนควรจะถูกประณามมากกว่ากัน
       ฉะนั้น ตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์เดินดิน และยังหนีไม่พ้นกินกามเกียรติอยู่ ไม่มีใครดีหรือเลวกว่าใครหรอกครับ และไอ้ที่ว่าดีดีนั้นดีจริงหรือเปล่า พร้อมที่จะถูกตรวจสอบหรือถูกจับกุมเมื่อกระทำความผิดดังเช่นอาชีพโสเภณีหรือเปล่าครับ
        
       -------------------------
        
        


พิมพ์จาก http://www.public-law.net/view.aspx?ID=1528
เวลา 3 พฤษภาคม 2567 06:59 น.
Pub Law Net (http://www.pub-law.net)