หน้าแรก บทความสาระ
ผู้พิพากษาหรือตุลาการย่อมถูกตรวจสอบจากองค์กรอื่นได้
คุณชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการอิสระ
28 กุมภาพันธ์ 2553 22:39 น.
 
อนุสนธิกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงผู้พิพากษาที่อนุมัติออกหมายจับอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดี เอส ไอ จนเกิดการโต้แย้งจากฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมผ่านทางสื่อมวลชนว่า ป.ป.ช.ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยของตุลาการซึ่ง ผู้พิพากษามีดุลพินิจอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีตามที่รัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีความอาญาบัญญัติไว้ โดยไม่อาจมีการแทรกแซงหรือก้าวล่วงจากหน่วยงานหรือบุคคลอื่นใด
       หากคู่ความไม่เห็นด้วยกับดุลพินิจของผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีหรือ มีคำสั่งคำพิพากษา คู่ความย่อมสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาในศาลที่มีลำดับชั้นสูงกว่าได้ ซึ่งทางฝ่าย ป.ป.ช.ยืนยันในอำนาจของตนเองตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฯของตนว่าสามารถทำได้ จึงเป็นสิ่งที่สร้างความงุนงงแก่ประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่ นักกฎหมาย(แม้นักกฎหมายเองก็ตามเถอะ)ว่าจริงๆแล้ว ป.ป.ช.หรือองค์กรอื่นสมารถตรวจสอบผู้พิพากษาหรือตุลาการได้หรือไม่ อย่างไร
       ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๐ บัญญัติไว้ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าทีราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง วุฒิสภามีอำนาจถอนถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้
       ซึ่งบทบัญญัตินี้ใช้บังคับกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
       ในส่วนของกระบวนการหรือขั้นตอนนั้นมาตรา ๒๗๑ บัญญัติให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ที่ว่านี้ออกจากตำแหน่งได้ คำร้องขอดังกล่าวต้องระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อๆให้ชัดเจน ซึ่งก็รวมไปถึงการที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคนมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน
       โดยเมื่อวุฒิสภาได้รับคำร้องขอแล้วประธานวุฒิสภาจะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวน เมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว ป.ป.ช.ก็จะรายงานต่อวุฒิสภา ซึ่งในตอนที่ ป.ป.ช.มีมติว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล นับแต่วันดังกล่าวผู้ดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ และให้ประธาน ป.ป.ช.ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว ในขณะเดียวกันที่นำเรื่องเข้าวุฒิสภาเพื่อพิจารณาถอดถอนหรือไม่นั้น ประธานยังต้องส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไปอีกด้วย แต่ถ้า ป.ป.ช.เห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหานั้นเป็นอันตกไป
       แต่หากวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติให้ถอดถอน และให้ตัดสิทธิผู้นั้นในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมืองหรือในการรับราชการเป็นเวลาห้าปี ซึ่งมติของวุฒิสภาในกรณีนี้ถือเป็นที่สุด และจะมีการร้องขอให้บุคคลดังกล่าวโดยอาศัยเหตุเดียวกันอีกมิได้ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
       จากบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ยกมาข้างต้นประกอบกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๙๗ วรรคสองที่บัญญัติให้ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งความเห็นของทั้งฝ่ายตุลาการและ ป.ป.ช.ต่างก็ถูกทั้งคู่ที่ว่าถูกทั้งคู่ก็เพราะว่าผู้พิพากษาและตุลาการย่อมมีดุลพินิจอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีตาม ซึ่งในกรณีนี้หมายกรณีการออกหมายจับอดีตอธิบดี ดี เอส ไอ ป.ป.ช.ย่อมไม่มีสิทธิไปตรวจสอบว่าออกหมายจับได้หรือไม่ ควรหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะเป็นการใช้อำนาจตุลาการโดยแท้
       แต่อย่างไรก็ตามจากมาตรา ๒๗๐ ป.ป.ช.ย่อมมีอำนาจตรวจสอบประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งรวมถึงผู้พิพากษาหรือตุลาการตามมาตรา๒๗๐ วรรคสอง (๒) ว่าผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งผลจากการชี้มูลของ ป.ป.ช.ดังกล่าวจะไปจบลงที่วุฒิสภาว่าจะมติถอดถอนหรือไม่ และ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างใด
       ในทำนองกลับกันสมาชิกวุฒิสภาก็สามารถถูกตรวจสอบได้ไม่ว่าจะเป็นการถอดถอนจากวุฒิสภาตามมาตรา ๒๗๐และ ๒๗๑วรรคสอง และ ป.ป.ช.เองหากผู้ใดร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาขิกวุฒิสภาหรือสมาชิทั้งสองสภามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยการทำคำร้องระบุพฤติกรรมที่กล่าวหาเป็นข้อๆให้ชัดเจนและยื่นต่อประธานวุฒิสภาเมื่อประธานวุฒิสภาได้รับคำร้องแล้วก็ส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณาต่อไป
       
       กล่าวโดยสรุป องค์กรตามรัฐธรรมนูญและบุคลากรในองค์กรย่อมถูกตรวจสอบได้เสมอจะด้วยกระบวนการขั้นตอนใดนั้นย่อมเป็นไปโดยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หากองค์กรใดหรือบุคคลใดไม่สามารถถูกตรวจสอบได้ย่อมกลายเป็นองค์อธิปัตย์อิสระที่อยู่เหนือรัฐหรือแยกออกจากรัฐไป
       หากทุกฝ่ายต่างทำหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติแล้วปัญหาเรื่องความขัดแย้งในเรื่องของอำนาจหน้าที่ย่อมหมดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้กฎหมายเป็นหลัก ซึ่งในกรณีนี้ก็คือผู้พิพากษาหรือตุลาการและ ป.ป.ช.นั่นเอง
       

       -------------------------


 
 
หลักความเสมอภาค
องค์กรอิสระ : ความสำคัญต่อการปฏิรูปการเมืองและการปฏิรูประบบราชการ โดย คุณนพดล เฮงเจริญ
ปัญหาของการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติในประเทศไทย
การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน : ผลในทางปฏิบัติ เมื่อครบรอบหกปีของการปฏิรูปการเมือง
หลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม
   
 
 
 
PAYS DE BREST : COOPERER VOLONTAIREMENT AU SERVICE DU TERRITOIRE
La violence internationale : un changement de paradigme
การลงทะเบียนเพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในประเทศไทย: มิติด้านกฎหมายและเทคโนโลยี
Tensions dans le cyber espace humanitaire au sujet des logos et des embl?mes
คุณูปการของศาสตราจารย์พิเศษ ชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ ต่อการพัฒนากฎหมายปกครองและกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง : งานที่ได้ดำเนินการไว้ให้แล้วและงานที่ยังรอการสานต่อ
การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
ยาแก้โรคคอร์รัปชันยุคใหม่
สหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ คืออะไร
มองอินโด มองไทย ในเรื่องการกระจายอำนาจ
การฟ้องปิดปาก
 
 
 
 
     

www.public-law.net ยินดีรับพิจารณาบทความด้านกฎหมายมหาชน โดยผู้สนใจสามารถส่งบทความผ่านทาง wmpublaw@public-law.net
ในรูปแบบของเอกสาร microsoft word (*.doc) เอกสาร text ข้อความล้วน (*.txt)ลิขสิทธิ์และความรับผิดตามกฎหมายของบทความที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านทาง www.public-law.net นั้นเป็นของผู้เขียน ขอสงวนสิทธิ์ในการนำบทความที่ได้รับการเผยแพร่ไปจัดพิมพ์รวมเล่มเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้สนใจต่อไป ข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏใน website นี้ยังมิใช่ข้อมูลที่เป็นทางการ หากต้องการอ้างอิง โปรดตรวจสอบรายละเอียดจากแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น

จำนวนผู้เข้าชมเวบ นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2544