หน้าแรก บทความสาระ
ศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
คุณมนูญ โกกเจริญพงศ์ นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมบังคับคดี
5 ธันวาคม 2553 20:42 น.
 
ตามที่หนังสือพิมพ์ลงพาดหัวว่า ฝ่ายการเมืองเล็งยุบ  ‘ศาลรธน.’  ‘ตุลาการ’    หนุน   ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หรือว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากไป มีอำนาจยุบพรรคการเมืองได้ด้วยทำให้ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อย หรือว่าองค์กรศาลจะมีอำนาจยุบพรรคการเมืองตามสภาพความเป็นจริงหรือไม่ มิใช่ตามที่กฎหมายบัญญัติ หากกรรมการบริหารพรรคการเมืองกระทำความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้แล้ว  หรือว่าประเทศไทยเหมาะสำหรับในรูปคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญเช่นเดิมเท่านั้น
                       ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์หลักของบ้านเมืองที่จะปกป้องรัฐธรรมนูญตามที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 และฉบับปัจจุบัน ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรสูงสุดเทียบเท่าสภาผู้แทนราษฎร  วุฒิสภา  รัฐบาล[1]     แต่ทำไมจึงมีเหตุการณ์ถึงขนาดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเองท่านหนึ่ง สนับสนุนและกล่าวว่า “ผมได้ยินว่ามีคนเริ่มคุยเรื่องนี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเกียรติและศักดิ์ศรีของศาลรัฐธรรมนูญถูกย่ำยีอยู่อย่างนี้ ก็อาจจะแก้ไขให้ตั้งแผนกคดีรัฐธรรมนูญในศาลฎีกาหรือในศาลปกครอง โดยให้วินิจฉัยคดีเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญโดยตรง ผมมองว่าก็จะเป็นผลดีมีความคล่องตัวเรื่ององค์คณะผู้พิพากษาเพราะมีผู้พิพากษามาก สามารถปรับเปลี่ยนกันเป็นองค์คณะได้ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายเรื่องละเมิดอำนาจศาลด้วย ส่วนงานบริหารบุคคลก็อยู่ในการบริหารของศาลยุติธรรม หากเป็นจริงตุลาการคงไม่มีปัญหาแต่คนที่เดือดร้อนจะเป็นข้าราชการในสำนักงานศาลมากกว่าที่ต้องหาที่ทำงานใหม่” และยังกล่าวด้วยว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีเงินเดือนน้อยกว่าผู้พิพากษาอาวุโสเสียอีกและที่ตนมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากเพื่อนฝูงผลักดันให้มาเป็น....ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่นักวิชาการและผู้ร่างรัฐธรรมนูญในบ้านเมืองเราจะต้องศึกษาเรียนรู้และพัฒนาให้เป็นองค์กรสูงสุดตามรัฐธรรมนูญที่แท้จริงมิใช่เพียงบัญญัติให้มีไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้นและก่อนที่จะมีเหตุการณ์นี้ก็มีนักวิชาการระดับศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ก็ยังพูดว่า “ศาลรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งแปลกปลอมในรัฐธรรมนูญต้องรื้อทิ้ง”  ถ้าเกียรติและศักดิ์ศรีของศาลรัฐธรรมนูญถูกย่ำยีอยู่อย่างนี้ดังที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดและเสนอให้ตั้งแผนกคดีรัฐธรรมนูญในศาลฎีกาหรือในศาลปกครอง  ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่หลักในการปกป้องรัฐธรรมนูญ รักษาสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและคุ้มครองผลประโยชน์ประเทศชาติของมหาชนต้องเสื่อมลง
                       ในความเห็นของข้าพเจ้าเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องเป็นศาลวิชาการ ไม่ใช่ศาลปฏิบัติการ ศาลวิชาการคือศาลที่ตุลาการต้องมีความรู้ทางหลักของรัฐธรรมนูญ และหลักกฎหมายมหาชนอย่างลึกซึ้ง  มิใช่ศึกษาและตีความเอาจากถ้อยคำในกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ได้บัญญัติขึ้นแล้วนำมาวินิจฉัยดังเช่น คดีอาญาที่ต้องตีความไปตามที่บัญญัติไว้ หรือตีความไปตามพจนานุกรมเท่านั้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่มีขึ้นเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ เป็นศาลการเมืองการปกครองต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้รวมทั้งหลักรัฐธรรมนูญ และหลักกฎหมายมหาชนและที่สำคัญเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย ตุลาการต้องนำมาปรับใข้อย่างเหมาะสมกับรัฐธรรมนูญเพื่อพัฒนาการเมืองการปกครองของประเทศในระบอบประชาธิปไตยต่อไปทั้งนี้ตามแนวตีความนิติวิธีในระบบกฎหมายมหาชนของผู้ที่มีความรู้ที่ได้สั่งสมมา.... องค์ประกอบและที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นผู้กระทำแทนของศาลรัฐธรรมนูญจึงมีความสำคัญสูงสุดในการปกป้องรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐในระบอบประชาธิปไตยของไทยในอนาคต
                       องค์ประกอบและที่มาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
       มาตรา 255  ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีกสิบสี่คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลดังต่อไปนี้
       (1) ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนห้าคน
       (2) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนสองคน
       (3) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ ซึ่งได้รับเลือกตามมาตรา 257 จำนวนห้าคน
       (4) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ ซึ่งได้รับเลือกตามมาตรา 257 จำนวนสามคน
       มาตรา 257 การสรรหาและการเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 255 (3) และ (4) ให้ดำเนินการดังนี้
                       (1)  ให้มีคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานศาลฎีกา คณบดีคณะนิติศาสตร์หรือเทียบเท่าของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่งซึ่งเลือกกันเองให้เหลือสี่คน คณบดีคณะรัฐศาสตร์หรือเทียบเท่าของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่งซึ่งเลือกกันเองให้เหลือสี่คน ผู้แทนพรรคการเมืองทุกพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคละหนึ่งคนซึ่งเลือกกันเองให้เหลือสี่คน เป็นกรรมการ คณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่สรรหาและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 255 (3) จำนวนสิบคน และผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 255 (4) จำนวนหกคนเสนอต่อประธานวุฒิสภา โดยต้องเสนอพร้อมความยินยอมของผู้ได้รับการเสนอชื่อนั้น ทั้งนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีเหตุทำให้ต้องมีการเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว  มติในการเสนอชื่อดังกล่าวต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
                       องค์ประกอบและที่มาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
                       มาตรา 204  ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีกแปดคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากบุคคลดังต่อไปนี้
                       (1)  ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับจำนวนสามคน
                       (2)  ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับ จำนวนสองคน
                       (3)  ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์อย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา 206 จำนวนสองคน
                       (4)  ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์หรือสังคมศาสตร์อื่น ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารราชการแผ่นดินอย่างแท้จริงและได้รับเลือกตามมาตรา 206 จำนวนสองคน
                       ในกรณีที่ไม่มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาหรือตุลาการในศาลปกครองสูงสุดได้รับเลือกตาม (1) หรือ (2) ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาหรือที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี เลือกบุคคลอื่นซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 205 และมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์ที่เหมาะสมจะปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตาม (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี......
                       มาตรา 206  การสรรหาและการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 204 (3) และ (4) ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
                       (1)  ให้มีคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคณะหนึ่งประกอบด้วยประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และประธานองค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญซึ่งเลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคน เป็นกรรมการ ทำหน้าที่สรรหาและคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 204 (3) และ (4) ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีเหตุทำให้ต้องมีการเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแล้วให้เสนอรายชื่อผู้ได้รับเลือกพร้อมความยินยอมของผู้นั้นต่อประธานวุฒิสภา มติในการคัดเลือกดังกล่าวต้องลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ......
                       (2)  ให้ประธานวุฒิสภาเรียกประชุมวุฒิสภาเพื่อมีมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการคัดเลือกตาม (1).....
                       ในกรณีที่ไม่อาจสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิตาม (1) ได้ภายในเวลาที่กำหนดไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแต่งตั้งผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวนสามคน และให้ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดแต่งตั้งตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจำนวนสองคน เป็นกรรมการสรรหาเพื่อดำเนินการตาม (1) แทน
                       เพื่อที่จะให้บทความนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าขออนุญาตให้ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับองค์ประกอบและที่มาดังกล่าวด้วยดังนี้
                       ข้อ1.  องค์ประกอบในฐานะตุลาการวิชาการ
                           1.1   ศาสตราจารย์ทางกฎหมายมหาชน หรือ ศาสตราจารย์เกียรติติคุณที่เชี่ยวชาญและสอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง ไม่ว่าของรัฐหรือเอกชนและยังปฏิบัติหน้าที่หรือเกษียณอายุมาแล้ว และมีผลงานทางกฎหมายที่เห็นเป็นประจักษ์ หรือ
                             1.2   รองศาสตราจารย์ที่ปฏิบัติหน้าที่มาแล้วเป็นเวลา 7 ปี หรือ 6 ปี สำหรับผู้ที่จบการศึกษาชั้นปริญญาเอกที่เป็นรองศาสตราจารย์สอนกฎหมายในภาคหรือสาขากฎหมายมหาชนของรัฐหรือเอกชน และมีผลงานทางกฎหมายหรือเขียนหนังสือกฎหมายมหาชน ที่เห็นเป็นประจักษ์และเป็นที่ยอมรับของนักกฎหมายมหาชน
                       การที่มีข้อ 1.2  เพิ่มด้วยก็เพื่อให้มีทางเลือก หากองค์ประกอบข้อ 1.1 ไม่มีหรือมีแต่เป็นผู้ที่ไม่ถนัดที่มาเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดคดี และที่ไม่มีผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านรัฐศาสตร์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดด้วย เนื่องจากเห็นว่าผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านรัฐศาสตร์หรือศาสตราจารย์ผู้ที่สอนรัฐศาสตร์ มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาการเมืองการปกครอง ซึ่งน่าเหมาะสมกับการร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าและที่กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ ปี พ.ศ.2540 กำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์เป็นองค์ประกอบด้วย อาจเกิดจากความไม่พร้อมของนักกฎหมายมหาชน หรือนักกฎหมายมหาชนในประเทศไทยในขณะนั้นยังมีไม่เพียงพอแต่มีนักรัฐศาสตร์อาวุโสมากกว่า   
                       ที่มาของคณะกรรมการสรรหาขององค์ประกอบข้อ 1 (ตุลาการนักวิชาการ)
                       ให้คณบดีคณะนิติศาสตร์ของรัฐหรือเอกชน ที่เปิดสอนภาคหรือสาขาวิชากฎหมายมหาชนตั้งแต่เริ่มแรกมาจนถึงคณะที่เปิดสอนปัจจุบันไม่เกิน 10 คณะ มาเป็นคณะกรรมการสรรหาและให้คณะนิติศาสตร์ทั้ง 10 คณะเป็นผู้ที่เสนอชื่อศาสตราจารย์หรือรองศาสตราจารย์ดังกล่าวด้วยความยินยอมของผู้นั้นแห่งละ 1 คน ยื่นให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเรียกประชุมคณะกรรมการสรรหาเพื่อคัดเลือกต่อไป
                       การที่ให้คณบดีคณะนิติศาสตร์ทั้ง 10 คน เป็นกรรมการสรรหา เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ในแวดวงกฎหมายโดยตรงและรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่เหมาะสมมากที่สุด และบุคคลผู้ถูกเสนอชื่อก็เป็นบุคคลที่รัฐธรรมนูญคัดเลือกมาแล้วรอบหนึ่ง
                       ข้อ2.  องค์ประกอบในฐานะของผู้พิพากษาอาชีพ     โดยมาจากผู้พิพากษาศาลฎีกาและจากตุลาการศาลปกครองสูงสุดแห่งละ 2 คน รวม 4 คน
                       ข้อ3.  หากองค์ประกอบข้อ 1  มีไม่ครบจำนวน  หรือ องค์ประกอบข้อ 2 (ผู้พิพากษาอาชีพ) ไม่มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาหรือตุลาการในศาลปกครองสูงสุดได้รับการคัดเลือก ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่เกษียณอายุหรือพ้นวาระดำรงตำแหน่งที่เคยปฏิบัติหน้าที่ดังต่อไปนี้  และมีผลงานทางกฎหมายที่เห็นเป็นประจักษ์และสุขภาพแข็งแรงมาเป็นตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิโดยไม่มีวาระดำรงตำแหน่งแม้อายุจะเกิน 70 ปี แต่ให้ได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ตนได้ปฏิบัติหน้าที่นั้น ทั้งนี้ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญทำหนังสือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้วยความยินยอมของผู้นั้น ภายใน 3 วัน เพื่อป้องกันข้อครหา และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะต้องประกาศแจ้งว่าเพราะเหตุผลใดจึงมีหนังสือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้มาเป็นตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิ และมีผลงานทางกฎหมายที่เห็นเป็นประจักษ์ คืออะไร ให้สาธารณชนทราบด้วย
                           3.1  เคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  หรือ
                           3.2  เคยเป็นศาสตราจารย์ทางกฎหมายมหาชน หรือศาสตราจารย์เกียรติติคุณที่เชี่ยวชาญและสอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ  กฎหมายปกครองมาแล้ว
                       หากสองตำแหน่งดังกล่าวไม่มี  ให้พิจารณาตำแหน่งที่ 3.3 ต่อไป
                           3.3  เคยเป็นตุลาการศาลปกครองมาแล้ว
                       สุดท้าย  ความเชื่อมโยงกับประชาชน  ให้สภาสูง (วุฒิสภา) ให้ความเห็นชอบเพื่อทรงแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
        
                                                                                                                                                                                  
        
       

       
       

       
       

       [1] ผศ.ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ “รวมบทวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและคำสั่งศาลปกครอง” สำนักพิมพ์วิญญูชน 2547
        

       



 
 
หลักความเสมอภาค
องค์กรอิสระ : ความสำคัญต่อการปฏิรูปการเมืองและการปฏิรูประบบราชการ โดย คุณนพดล เฮงเจริญ
ปัญหาของการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติในประเทศไทย
การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน : ผลในทางปฏิบัติ เมื่อครบรอบหกปีของการปฏิรูปการเมือง
หลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม
   
 
 
 
PAYS DE BREST : COOPERER VOLONTAIREMENT AU SERVICE DU TERRITOIRE
La violence internationale : un changement de paradigme
การลงทะเบียนเพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในประเทศไทย: มิติด้านกฎหมายและเทคโนโลยี
Tensions dans le cyber espace humanitaire au sujet des logos et des embl?mes
คุณูปการของศาสตราจารย์พิเศษ ชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ ต่อการพัฒนากฎหมายปกครองและกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง : งานที่ได้ดำเนินการไว้ให้แล้วและงานที่ยังรอการสานต่อ
การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
ยาแก้โรคคอร์รัปชันยุคใหม่
สหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ คืออะไร
มองอินโด มองไทย ในเรื่องการกระจายอำนาจ
การฟ้องปิดปาก
 
 
 
 
     

www.public-law.net ยินดีรับพิจารณาบทความด้านกฎหมายมหาชน โดยผู้สนใจสามารถส่งบทความผ่านทาง wmpublaw@public-law.net
ในรูปแบบของเอกสาร microsoft word (*.doc) เอกสาร text ข้อความล้วน (*.txt)ลิขสิทธิ์และความรับผิดตามกฎหมายของบทความที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านทาง www.public-law.net นั้นเป็นของผู้เขียน ขอสงวนสิทธิ์ในการนำบทความที่ได้รับการเผยแพร่ไปจัดพิมพ์รวมเล่มเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้สนใจต่อไป ข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏใน website นี้ยังมิใช่ข้อมูลที่เป็นทางการ หากต้องการอ้างอิง โปรดตรวจสอบรายละเอียดจากแหล่งที่มาของข้อมูลนั้น

จำนวนผู้เข้าชมเวบ นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2544